วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2561

ไม่มีที่ใหนสุขใจเท่าบ้าน...เรา

"บ้าน" คำสั้นๆ แต่มันดีต่อใจจริงๆ  มีคนเคยบอกไว้ว่า ถึงเราจะไปได้ไกลแค่ใหน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ไกลสุดขอบฟ้ายังไง แต่ท้ายที่สุดและสิ่งที่เราคิดถึงที่สุดเมื่อบานปลายของชีวิต คือ "บ้าน"





 บ้านไม่จำเป็นต้องใหญโต โออ่าอะไร แค่มีคนที่เรารัก มีความหลัง มีความผูกพันธ์ แค่นี้ก็เติมเต็มมากพอแล้ว ไม่ว่าที่ผ่านมาเราจะเจออะไรที่หนักหนา แค่ใหน การที่ได้กลับบ้าน กลับไปสู่อ้อมอกอุ่นของคนที่คุ้นเคย ทำให้เราสบายใจมากขึ้น มีพลังที่จะกลับมาต่อสู้กับชีวิตประจำวันมากขึ้น… ขอสวนกระแสที่ว่า ถ้าเราเหนื่อยล้า...ให้เดินเข้าป่า มาเป็น ถ้าเราเหนื่อยล้า กลับบ้านมาดีกว่าเนอะ คริ คริ

เมื่อก่อนจำได้ว่า เคยมีความรู้สึกที่เบื่อบ้านมาก อยากจะไปให้ไกลเท่าที่จะไกลได้ เป็นความรู้สึกของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่อยากสัมผัสกับโลกกว้าง โหยหาความอิสระ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเมื่อก้าวออกไปนั้นจะเจอกับอะไรบ้าง เพราะโลกมันกว้างอะเนอะ เพราะเมื่อวันหนึ่ง วันที่เราได้ก้าวออกมา หลายสิ่งหลายอย่างมันก็ไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้อะนะ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มันก็ไม่ได้ดีไปทุกอย่างมันมีทั้งดีและไม่ดี ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตคนเดียว ทำให้ติดนิสัย โลกส่วนตัวสูง  ชีวิตเรามันอิสระนะ ได้ทำในสิ่งที่ชอบ การที่อยู่ได้ด้วยตัวเองมันก็ดีนะ  แต่การอยู่ได้ด้วยตัวเอง บางมันทำให้เราโดดเดี่ยว

แต่วันนี้เรากลับมาที่เดิมแล้วนะ หลายสิ่งหลายอย่างเปลียนไปจากเดิมมาก แต่บ้านก็คือบ้าน คือที่ที่เราอบอุ่นที่สุด มีความสุขที่สุด ปลอดภัยที่สุด มันคือความสุขที่เราไม่สามารถซื้อจากที่ไหนได้เลย

หากใครที่ไม่ค่อยได้กลับบ้านมาเป็นเวลาที่นานมากแล้ว ลองหาโอกาสกลับบ้าน อย่ามัวอ้างว่าไม่มีเวลา อย่ามัวอ้างว่าไม่ว่าง หรือใครที่มีเรืองเครียดคิดไม่ตก อย่าลืมนะค่ะ นอกจากการที่ออกไปเทียวทริปตามสถานที่ท่องเทียวแล้ว ยังมีอีกที่ ที่คุณจะหาความสบายใจได้ กลับบ้านเถอะค่ะ กลับสู่จุดเดิม.... #ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านเรา



วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559

โรคซึมเศร้า (Depression Disorder)

ช่วงนี้ แอดมินเปิดเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นในเว็บต่างๆ ในบอร์ด ดังๆ เช่นพันทิป และ ใน เฟสบุคต่างๆ  มีการ
พูดถึงและแชร์  เรือง โรคซึมเศร้า เยอะมาก โรคซึมเศร้าไม่ใช้โรคที่เกิดขึ้นมาใหม่ แต่เป็น โรคเงียบที่เกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว แต่คนส่วนมากได้มองข้ามถึงความสำคัญของโรคนี้ไป



โรคซึมเศร้าคือโรคทางจิตเวชที่เกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมองชื่อ เซโรโทนิน(Serotonin) มีปริมาณลดลง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการป่วยทั้งร่างกาย จิตใจ และความคิด รู้สึกท้อแท้ หงอยเหงา เบื่อหน่าย ไม่สนุกสนานกับชีวิต นอนไม่หลับ สะดุ้งตื่นกลางดึก ฝันร้ายบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบให้ความสามารถในการทำงานลดลง

สังคมปัจจุบัน เราอะเนอะ ความกดดัน ความเครียด ไม่ว่าความเครียดนั้นจะเกิดจาก การทำงาน สังคม หรืออะไรก็ตามที่มากระทบจิตใจ เพราะสาเหตุของการเกิดโรคซึมเศร้า มักจะเกิดจากความเครียด  เกิดจาก อารมณ์ ความความรู้สึกล้วนๆ  บางคนอาจโชคดีรู้ตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้ยังสามารถที่จะควบคุมอาการและ รักษาด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องพึงจิตแพทย์ และ ต้องพึ่งยา แต่ไม่ทุกคนที่โชคดี

ดังนั้น เรามาสังเกตุตัวเราและคนรอบข้าง ว่ามีอาการของโรคนี้หรือเปล่า  ถ้าคิดว่าตัวเอง หรือคนรอบข้างเข่าข่าย ให้รีบปรึกษาจิตแพทย์ หรือผู้ที่เชียวชาญ ที่จะให้คำแนะนำ ก่อนที่อาการป๋วยจะรุ่นแรง อาจถึงขั้นควบคุมตัวเองไม่ได้ และ ที่แรงที่สุดคือ อาจจะถึงขั้นทำร้ายตัวเอง

มาเช็คอาการว่าเพือนๆ หรือว่าคนรอบข้างมีอาการแบบนี้หรือเปล่า

การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ อาจเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปเป็นเดือนๆ หรือเป็นเร็วภายใน 1-2 สัปดาห์เลยก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย เช่น มีเหตุการณ์มากระทบรุนแรงมากน้อยเพียงได บุคลิกเดิมของเจ้าตัวเป็นอย่างไร มีการช่วยเหลือจากคนรอบข้างมากน้อยเพียงได เป็นต้น

 และผู้ที่เป็นอาจไม่มีอาการตามนี้ไปทั้งหมด แต่อย่างน้อยอาการหลักๆ จะมีคล้ายๆ กัน เช่น รู้สึกเบื่อเศร้า ท้อแท้ รู้สึกตนเองไร้ค่า นอนหลับไม่ดี เป็นต้น ลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 

1. อารมณ์เปลี่ยนแปลงไป ที่พบบ่อยคือจะกลายเป็นคนเศร้าสร้อย หดหู่ สะเทือนใจง่าย ร้องไห้บ่อย เรื่องเล็กๆน้อยๆ ก็ดูเหมือนจะอ่อนไหวไปหมด บางคนอาจไม่มีอารมณ์เศร้าชัดเจนแต่จะบอกว่าจิตใจหม่นหมอง ไม่แจ่มใส ไม่สดชื่นเหมือนเดิม บางคนอาจมีความรู้สึกเบื่อหน่ายไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่เดิมตนเคยทำแล้วเพลินใจหรือสบายใจ เช่น ฟังเพลง พบปะเพื่อนฝูง เข้าวัด ก็ไม่อยากทำหรือทำแล้วก็ไม่ทำให้สบายใจขึ้น บ้างก็รู้สึกเบื่อไปหมดตั้งแต่ตื่นเช้ามา บางคนอาจมีอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย อะไรก็ดูขวางหูขวางตาไปหมด กลายเป็นคนอารมณ์ร้าย ไม่ใจเย็นเหมือนก่อน

 2. ความคิดเปลี่ยนไป มองอะไรก็รู้สึกว่าแย่ไปหมด มองชีวิตที่ผ่านมาในอดีตก็เห็นแต่ความผิดพลาดความล้มเหลวของตนเอง ชีวิตตอนนี้ก็รู้สึกว่าอะไรๆ ก็ดูแย่ไปหมด ไม่มีใครช่วยอะไรได้ ไม่เห็นทางออก มองอนาคตไม่เห็น รู้สึกท้อแท้หมดหวังกับชีวิต บางคนกลายเป็นคนไม่มั่นใจตนเองไป จะตัดสินใจอะไรก็ลังเลไปหมด รู้สึกว่าตนเองไร้ความสามารถ ไร้คุณค่า เป็นภาระแก่คนอื่น ทั้งๆ ที่ญาติหรือเพื่อนๆ ก็ยืนยันว่ายินดีช่วยเหลือ เขาไม่เป็นภาระอะไรแต่ก็ยังคงคิดเช่นนั้นอยู่ ความรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า ความคับข้องใจ ทรมานจิตใจ เหล่านี้อาจทำให้เจ้าตัวคิดถึงเรื่องการตายอยู่บ่อยๆ แรกๆ ก็อาจคิดเพียงแค่อยากไปให้พ้นๆ จากสภาพตอนนี้ ต่อมาเริ่มคิดอยากตายแต่ก็ไม่ได้คิดถึงแผนการณ์อะไรที่แน่นอน เมื่ออารมณ์เศร้าหรือความรู้สึกหมดหวังมีมากขึ้น ก็จะเริ่มคิดเป็นเรื่องเป็นราวว่าจะทำอย่างไร ในช่วงนี้หากมีเหตุการณ์มากระทบกระเทือนจิตใจก็อาจเกิดการทำร้ายตนเองขึ้นได้จากอารมณ์ชั่ววูบ

 3. สมาธิความจำแย่ลง จะหลงลืมง่าย โดยเฉพาะกับเรื่องใหม่ๆ วางของไว้ที่ไหนก็นึกไม่ออก ญาติเพิ่งพูดด้วยเมื่อเช้าก็นึกไม่ออกว่าเขาสั่งว่าอะไร จิตใจเหม่อลอยบ่อย ทำอะไรไม่ได้นานเนื่องจากสมาธิไม่มี ดูโทรทัศน์นานๆ จะไม่รู้เรื่อง อ่านหนังสือก็ได้ไม่ถึงหน้า ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทำงานผิดๆ ถูกๆ

 4. มีอาการทางร่างกายต่างๆ ร่วม ที่พบบ่อยคือจะรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง ซึ่งเมื่อพบร่วมกับอารมณ์รู้สึกเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไร ก็จะทำให้คนอื่นดูว่าเป็นคนขี้เกียจ ปัญหาด้านการนอนก็พบบ่อยเช่นกัน มักจะหลับยาก นอนไม่เต็มอิ่ม หลับๆตื่นๆ บางคนตื่นแต่เช้ามืดแล้วนอนต่อไม่ได้ ส่วนใหญ่จะรู้สึกเบื่ออาหาร ไม่เจริญอาหารเหมือนเดิม น้ำหนักลดลงมาก บางคนลดลงหลายกิโลกรัมภายใน 1 เดือน นอกจากนี้ยังอาจมีอาการท้องผูก อืดแน่นท้อง ปากคอแห้ง บางคนอาจมีอาการปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว
5. ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเปลี่ยนไป ดังกล่าวบ้างแล้วข้างต้น ผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะดูซึมลง ไม่ร่าเริง แจ่มใส เหมือนก่อน จะเก็บตัวมากขึ้น ไม่ค่อยพูดจากับใคร บางคนอาจกลายเป็นคนใจน้อย อ่อนไหวง่าย ซึ่งคนรอบข้างก็มักจะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป บางคนอาจหงุดหงิดบ่อยกว่าเดิม แม่บ้านอาจทนที่ลูกๆ ซนไม่ได้ หรือมีปากเสียงระหว่างคู่ครองบ่อยๆ 6. การงานแย่ลง ความรับผิดชอบต่อการงานก็ลดลง ถ้าเป็นแม่บ้านงานบ้านก็ไม่ได้ทำ หรือทำลวกๆ เพียงให้ผ่านๆ ไป คนที่ทำงานสำนักงานก็จะทำงานที่ละเอียดไม่ได้เพราะสมาธิไม่มี ในช่วงแรกๆ ผู้ที่เป็นอาจจะพอฝืนใจตัวเองให้ทำได้ แต่พอเป็นมากๆ ขึ้นก็จะหมดพลังที่จะต่อสู้ เริ่มลางานขาดงานบ่อยๆ ซึ่งหากไม่มีผู้เข้าใจหรือให้การช่วยเหลือก็มักจะถูกให้ออกจากงาน 7. อาการโรคจิต จะพบในรายที่เป็นรุนแรงซึ่งนอกจากผู้ที่เป็นจะมีอาการซึมเศร้ามากแล้ว จะยังพบว่ามีอาการของโรคจิตได้แก่ อาการหลงผิดหรือประสาทหลอนร่วมด้วย ที่พบบ่อยคือ จะเชื่อว่ามีคนคอยกลั่นแกล้ง หรือประสงค์ร้ายต่อตนเอง อาจมีหูแว่วเสียงคนมาพูดคุยด้วย อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้มักจะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับการรักษา อารมณ์เศร้าดีขึ้น อาการโรคจิตก็มักทุเลาตาม

ถ้าเช็คแล้วพบว่า ตัวเอง มีเกินสองข้อ แอดมินแนะนำ ให้  ควรได้รับบริการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ หรือพบแพทย์เพื่อการบำบัดรักษาตั้งแต่เนิน เพราะจะไม่ทำให้พัฒนาไปถึงขั้นทีรุนแรงกว่า และในกรณีที่คนรอบข้างเข่าข่าย ต้องรีบแนะนำ เพื่อหาทางรักษา และ กำลังใจจากคนรัก และ ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ   การที่คอยให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยว่าโรคซึมเศร้าเป็นโรคที่รักษาได้จะช่วยได้มาก เพราะผู้ป่วยมักมองโลกในแง่ร้าย และมักจะลืมประเด็นนี้อยู่เรื่อย ๆ 

ขอบคุณข้อมูลจาก กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข

Hotels2thailand.com

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Burnout Syndrome เบื่องาน หมดไฟ ทำไงดี?

 วันศุกร์อีกแล้วเนอะ วันเวลาช่างผ่านไปเร็วซะจริงๆ เพราะฉะนั้น ใคร มีแผลน จะทำอะไร จะบอกอะไร ยังไงกับใคร อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปนะคะ ถ้าไม่อยากจะต้องมานั่งเสียดาย เวลาแล้วมานั่งคิดถ้าย้อนไปได้ ทำไม่ตอนนั้นฉันไม่ทำอย่างนู้น ทำไม่ฉันไม่เริ่มทำตั้งแต่ตอนนู้น เมื่อเมื่อถึงตอนนี้แล้ว ก็จะทำอะไรไม่ได้ นอกจากเสียดายเวลา เอ้ย งง กันหรือเปล่าเนี้ย จะว่าไป แอดมินเอง ก็เริ่มจะงง กับตัวเองเหมือนกัน แล้วนะเนี้ย คริ คริ สงสัยไปหมดแล้วคะ สมงสมอง แอดมิน เห้อ !



ก่อนที่จะออกทะเล กันไปเยอะกว่านี้ เรามาเข้าเรือง หัวข้อที่โพสต์วันนี้กันดีกว่าเนอะ เพือนๆ เคยเป็นกันไม่คะ ที่อยู่ๆ ก็มีโมเม้นท์ที่ว่า ไม่อยากจะทำงาน ขึ้นมาเฉยๆ เริ่มมีอาการเหนือย ซึ่งไม่ได้เกิดจากร่างกายของเรา แต่เป็นจิตใจที่เหนื่อยไม่มีแรง แม้แต่จะบังคับตัวเองให้ลุกไปทำงานในทุกๆ เช้าเหมือนทุกวัน แล้วทำให้เราคิดไปว่า เราไม่สามารถทำงานได้ต่อไปหมดไฟในการทำงานอีกแล้ว หรือชีวิตทำงานของเราไม่ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนวันก่อน ๆ บางครั้ง เราอาจรู้สึกว่าตัวเองมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงานเริ่มไม่มีความสุข และสุดท้ายก็คิดอยากกจะลาออกจากงาน  เพราะคิดว่างานใหม่จะดีกว่างานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน.......


ถ้าทั้งหมดข้างบนที่ แอดมินกล่าวมา ตรงกับอาการของเพือนๆ ระวังให้ดีนะคะ เพือนๆ อาจจะเป็นโรค Burnout Syndrome อาการของโรค คือ เบื่องาน หมดไฟ และหมดไอเดีย ในการทำงานคะ และอาการเหล่านี้อาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ เรามารีบ สัญญาณเงียบ และรีบหาทางแก้ไขกันค่ะ

ก่อนที่เราจะไปดูสัญญาณและวิธีป้องกันของโรค นี้ เรามารู้จักกันก่อนคะ ว่าโรคนี้คืออะไร ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ของเรายังไงบ้าง

 Burnout Syndrome  คือโรคที่เกิดจากการทำงานหนักเกินไป และการพักผ่อนจนเกิดอาการ เช่น สมองไม่แล่น ความจำไม่ดี  นอนไม่หลับเหมือนเครื่องยนต์ที่วิ่งไม่หยุด จนทำให้เครื่องร้อนจนหม้อน้ำเดือด ถ้าเรียกง่ายๆ คือ แฮงค์ หมดไฟ ทำงานจนหมดพลัง นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน เฮร์เบิร์ตเจ ฟรอยเดนเบอร์เกอร์ ได้นำชื่อ Burn-Out มาใช้ในการรักษาทางจิตเวชเมื่อปี 1974 ซึ่งก็คือโรคทางจิตชนิดหนึ่ง ซึ่งมักเกิดกับคนที่ตั้งความหวังไว้สูงเกี่ยวกับตัวเองและต้องการความเพอร์เฟ็กต์ จนก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งทางหากเราละเลย จะส่งผลให้เกิดความ­เสียหายทั้งในด้านสุขภาพ ความสุข ความสัมพันธ์ และประสิทธิภาพในการทำงาน และอาจพัฒนาไปสู่โรคซึมเศร้าด้วย­­­­

วิธีสังเกตอาการจากโรคนี้ง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ

- อ่อนเพลีย รู้สึกเบื่องาน นอนไม่หลับ เครียดไม่มีความสุข ไม่สนุกกับงาน

- อารมณ์ร้าย มองโลกในแง่ลบ หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว ชอบคิดเล็กคิดน้อยกับเพือนร่วมงาน หรือว่าเจ้านาย เริ่มคุยกับเพื่อนร่วมงานและคนในครอบครัวน้อยลง

-  สุขภาพย่ำแย่ ซึ่งเกิดจากความเครียดสะสม  ทำให้ก่อเกิดโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น


วิธีแก้ไขอาการโรคนี้

       ผ่อนคลายความเครียด อย่าหมกหมุ่นกับงานจนเกินไป เพิ่มความคิดบวกในการทำงาน บางคนหมดไฟในการทำงานเร็ว เพราะมีทัศนคติด้านลบมากเกินไปในการทำงาน หากิจกรรมที่ทำแล้วรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เพราะชีวิตของเราไม่ได้มีแต่เรืองงานคะ



เป็นยังไงกันบ้างคะ เพือนๆ เข่าข่ายกันบ้างหรือเปล่าเอ๋ย.........ยังไงก็อย่าทำงานหนักกันจนลืมดูแลตัวเองกันนะคะ  บริษัทไม่มีเรา เค้าหาคนมาทำงานแทนได้คะ แต่ ครอบครัวเรามีเราแค่คนเดียวคะ ดูแลตัวเองเพือคนที่เรารักและรักเรากันนะคะ    รอบหน้า อยากให้ แอดมิน นำบทความอะไรมาเป๊ะอีก  แชร์มาได้นะคะ ยินดีคร้า



วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สร้างเรือง....ในคืนที่นอนไม่หลับ (slow life เรามาสโลว์ชีวิตกันเพื่อหาความสุขที่ถาวร}

สวัสดีคร้า่ เพือนๆ ชาว blog  ให้มันได้ยังงีซิคะ หลังจากที่ตอนเย็น แอดมินตั้งใจว่าจะรีบเคลียร์งาน แล้วกลับไปนอนดูหนัง ชิวๆ ที่ห้อง ตั้งใจไว้อย่างดีว่าวันใหนจะเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ หลังจากที่ปั่นงานกันมาเป็นเวลา สามอาทิตย์เต็มๆ และเหมือนบรรยากาศจะเป็นใจ เข้าข้างแอดมิน ฝนตกพร่ำๆ  โอ้ยแค่คิดก็ฟินเนอะ

และแล้ว ทุกอย่างผิดคาดไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจไว้  เห้อจบกัน คืนที่บรรยากาศเป็นใจ เพราะหลังจากที่แอดมิน ดุซีรีย์จบไปแล้ว 1 เรือง เอ้ย ตาสว่างอยู่เลยอะ ทำไงที่นี้ จะลุกขึ้นมาทำงานก็กระไรอยู่ เสียดายบรรยากาศอะ อะลองดูอีกสักเรือง 1 ชัวโมงผ่านไป หนังก็จบไปอีก 1 เรือง   เอ้ย ตาสว่างอยู่อีก เห้อทำไงอะที่นี้ บรรยากาศของฉัน พลิกซ้ายพลิกขวา โอเค ยังไงก็จะไม่หลับใช่ไม่ ที่นี้ก็คิดซิคะ ทำอะไรต่อดี ใหนๆ ก็นอนไม่หลับแล้ว มาสร้างเรืองกันดีกว่า  คืนนี้ของดโพสต์รีวิวนะคะ  เรามาพูดถึง คำยอดฮิต ที่ยังไม่ตกกระแสทั้งในโลกออนไลน์และโลกความจริงกัน ดีกว่าบทความที่แล้ว แอดมิน ได้เขียนถึง กระแสของงาน "ฟรีแลนซ์ " ซึ่งกำลังบูมอยู่ในขณะนี้ วันนี้เรามาพูดถึง เทรนด์การใช้ชีวิตแนวใหม่ที่กำลังมาแรงคือ ."Slow Life" กันต่อเนอะ



คำว่า "Slow Life " บางคนเข้าใจว่าการใช้ชีวิตแบบ Slow Life คือการใช้ชีวิตตามเทรนด์  จิบกาแฟแพงๆ กินร้านหรูๆ ใช้แต่ของแบรนด์ และ นำมาลงในเฟสบุค แถมด้วยแคปชั่นแนวๆ ซึ่งเป็นการเข้าใจความหมายของ Slow Life ผิดไปคะ

และผู้บุกเบิกการใช้ชีวิตแนวนี้ ก็คือ ลีโอ บาบัวต้า บล็อกเกอร์ และนักเขียนชื่อดัง เจ้าของเว็บบล็อก Zen Habits ที่ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 240,000 คน ได้รับการจัดอันดับเป็นเว็บบล็อกยอดนิยมอันดับหนึ่งของโลกประจำปี 2010 โดยนิตยสารไทม์ เขายังมีผลงานหนังสือหลายเล่มด้วยกัน แต่เล่มที่โด่งดัง
ติดอันดับเบสท์เซลเลอร์  ก็คือ  The Power of  Less การใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ  เพื่อชีวิตที่มีสุขนั้น  สามารถเริ่มต้น ง่ายๆ  ด้วยบันได  9  ขั้น  ดังนี้

บันไดขั้นที่ 1 คือ ต้องรู้จักโฟกัสมากขึ้น และทำอะไรให้น้อยลง แทนที่จะทำอะไรหลายอย่างในเวลาพร้อมๆกัน ให้เลือกทำสิ่งสำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียว และเก็บเรื่องอื่นๆไว้ก่อน 

บันไดขั้นที่ 2 คือ  ต้องมีสติอยู่กับปัจจุบัน มีสติกับปัจจุบัน มีความสุขกับง่ายๆ เช่น อย่ายึดติดของแบรนด์ อย่า ตามกระแสจนเกินไป


บันไดขั้นที่ 3 คือ ใช้ชีวิตแบบโลว์เทค ปิดมือถือและอุปกรณ์ไฮเทคทุกอย่างในช่วงวันหยุด  อย่าวุ่นอยู่กับกับการเล่นอินสตาแกรม โพสต์เฟสบุค และเช็กอีเมล์ทั้งวัน 


บันไดขั้นที่ 4  คือ ใส่ใจคนรอบข้างบ้าง พร้อมทั้งรับฟัง เปิดใจ ใส่ใจเพื่อนฝูง, ครอบครัว และคนรอบข้างให้

บันไดขั้นที่ 5  คือ เปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ หันมาชื่นชมกับความงดงามของธรรมชาติบ้าง ออกมาเดินเล่นในสวน สูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง  หรือทำกิจกรรมบ้าง แทนที่จะคลุกอยู่แต่ในห้อง นอนตากแอร์ทั้งวัน ลองออกมาเดินเล่นในสวนเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ 

บันไดขั้นที่ 6 คือ  การรับประทานอาหารให้ช้าลง โดยค่อยๆเคี้ยวเพื่อรับรู้รสสัมผัสความอร่อยของอาหาร แทนที่จะทานเร็วๆเพื่อให้อิ่ม เพื่อที่จะรีบไปทำงานต่อ 

บันไดขั้นที่ 7 คือ  ขับรถให้ช้าลง นอกจากจะทำให้ไม่เครียดเวลาขับรถแล้ว ยังลดการเกิดอุบัติเหตุด้วย

บันไดขั้นที่ 8 คือ   มีความสุขง่ายๆและรื่นรมย์กับทุกอย่างที่พบเจอ เปลียนมุมมองชีวิต ที่พัฒนาไปไกลขึ้น ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ขอให้ทำด้วยความสุขและความเต็มใจ 

 บันไดขั้นที่ 9 คือ  ขจัดความเครียดด้วยการสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อจะทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย 




เป็นอย่างไรบ้างคร้า ชีวิตแนวใหม่กำลังมาแรง ... Slow Life  เป็นการใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ และยึดหลักพอเพียง ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายเลยเนอะ  แต่ไม่ง่ายเลยคะสำหรับโลกยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ซึ่งเราจะคุ้นกับคำว่าโอกาศเป็นของคนที่เร็วเสมอ เราจึงจำเป็นต้องรีบเพือแข่งขัน เพื่อที่จะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ  เหนือยกันไม่คะ เรามาลองใช้ชีวิตแบบ Slow life กันเนอะ เพื่อความสุขที่ถาวร 


เอ้ย แอดมินเริ่มง่วงแล้วอะคะ ถ้างั้น คืนนี้ ขอแค่นี้ก่อนเนอะ รีบนอนดีกว่า เดียวบรรยากาศดีๆ จะผ่านไปซะก่อน เสียดายแย่ ไม่ทันได้ฟินเลย  เดียวจะเเช้าซะก่อน อิอิ



..........................................................................ราตรีสวัสคร้า...........................................................



อ้างอิงโดย มิสแซฟไฟร์  ใน นสพ. ไทยรัฐ  20  เม.ย.56


วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2558

ห๊ะ อะไรนะ เปลียนเส้นทาง.........เพื่อสิ่งนี้

สวัสดีคะเพือนๆ ชาว blog วันนี้ แอดมิน จะมารีวิว ร้านอาหารที่ขึ้นชื่อในจังหวัดพัทลุงคร้า ถ้าพูดถึงชื่อร้าน  ร้านหลานตาชู สเต็กเฮาส์  เพือนๆ ในจังหวัดพัทลุง และเพือนๆ ที่เคยมาเทียวจังหวัดพัทลุง ไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอนจร้า เพราะร้านเค้าดังมากพูดเลย......

หลายวันก่อนแอดมินได้ไปพบลูกค้าที่ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลาคะ ปกติ แอดมิน กับเพือนจะใช้เส้นทางนอก ซึ่งหลังจากที่นั่งเรือมาจากเกาะสมุย ขึ้นฝั่งดอนสัก เรียบร้อยแล้ว แอดมินจะขับออกเส้นทางนอก ซึ่งจะขับออกมาทางสายถนนร่อนพิบูลย์ ซึ่งถ้าตั้ง ระยะทางในเครืองโทรศัพท์ โนเกียของ แอดมิน ระยะทางจากดอนสักถึง หาดใหญ แค่ 400 กว่ากิโล  แต่เกิดอะไรขึ้นทำไม่แอดมิน ถึงไปโผล่ ที่ร้าน หลานตาชู ที่จังหวัดพัทลุงไปไปจนได้นะเนี้ย

คือเรืองก็มีอยู่ว่า น้องสาวที่น่ารัก (หรือเปล่า) ของบรรดาเจ้ๆ ทั้งหลาย คุณเธอพลังเยอะเหลือเกินคะ สงสัยจะตื่นเต้นจะได้กลับบ้าน หลังจากที่ฝึกงานเสร็จ เป็นระยะเวลา 3 เดือน กับเจ้ๆ ที่ใจดี (หรา)ไม่ยอมหลับบนเรือ เท่านั้นไม่พอคะ คุณธอเมาท์ม้อยแต่เรืองอาหาร ซึ่งหนึ่งในร้านที่คุณเธอ เวิ้นเวอร์ ก็คือร้าน หลานตาชูจร้า ไม่รู้กล่อมไปกล่อมมาท่าใหน เจ้ๆ ทั้งหลาย ต่างลงมติกัน ปะ มื้อเทียง ของเราวันนี้ lesgo to พัทลุงกัน เอ๊ย แอดมินซึ่งมีหน้าที่เป็นสารภี ขับรถ ให้ น้องๆ ก็เงิบซะคะ เมื่อคะแนนออกมาเป็นเอกฉันท์ งานนี้ทำไรไม่ได้คะ ทางเดียวคือ ปรับตำแหน่ง gps ในมือถือใหม่คะ กรรม จาก 400 กว่ากิโลมาเป็น 500 กว่ากิโล บันเทิงซิคะ งานนี้

และแล้ว เวลา 12:45  เราก็มาจอดกันหน้าร้าน จร้า
ณ.จุดนี้   แอดมินขอบอกเลยไม่ผิดหวังจริงๆ คะ  มาดูบรรยากาศของร้านกันคะ

รูปแรกจร้า ร้านอาหารใหญโตมาก  ตรงข้ามจะมีร้านขายของฝาก ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับร้านอาหารคะ


สวนภายในตกแต่งอย่างดี มีที่นั่งเยอะดีคะ คนเยอะมากคะ แต่ก็ยังมีโต๊ะว่าง สำหรับเราคะ  อาหารหลักๆ เลยก็จะเป็นเมนูสเต็กจร้า  มีทั้งสเต็กเนื้อ สเต็กหมู สเต็กปลา สเต็กนกกระจอกเทศ และ สเต็กเนื้อแกะ ทราบว่าสั่งตรงมาจากนิวซีแลนด์เลยทีเดียว ส่วนอาหารอิตาเลียน มีสปาเกตตี้ พิซซ่า รวมทั้งมีอาหารไทยอร่อยเยอะแยะมากมาย ขณะที่กำลังอ่านรายการเมนูอยู่ว่าจะสั่งอะไรดี น้องตัวแสบก็แอบบส่งซิกส์ มาคะ สารมีอยู่ว่า เจ้ๆๆ มาถึงนี้ถ้าไม่คิดสเต็กเหมือนมาไม่ถึงนะ   อะเค ว่าไงว่ากัน จัดซิคะ ช้าอยู่ใย คริ คริ

และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง อิอิ มาแล้วจร้า เมนูของเรา  จานแรก  สเต็กปลาคร้า  เนื่องจากวันนี้เป็นวันธรรมดาคะ ไม่ใช่วันหยุดคนไม่เยอะติดขนาดต้องต่อคิว อาหารที่สั่่งก็เลยมาเร็วคะ ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์หรือวันหยุด นี้โห้ น้องเค้าเล่าว่า  คนจะเต็มร้านเลยคะ จนบางครั้ง ต้องมีการต่อคิวรอกันเลยที่เดียวคะ



จานที่สอง ของเพือนเลิฟคะ



และจานสุดท้าย ของเจ้าถิ่นคะ (น้องสาวสุดเลิฟ) เจ้าตัวนำเสนอสุดๆ เลยจานนี้




หลังจากที่ได้ทานไปแล้วเรียบร้อย ต้องบอกเลยคะ ว่าอร่อยมากๆ สมกับที่มีคนมากินเต็มร้านตลอด ตอนเช็คบิลก็ราคาไม่แพงเลยคะ เมื่อเทียบกับคุณภาพของอาหาร



เป็นยังไงกันบ้างคะ อ่านจบกันแล้ว เริ่มหิวแล้วอะดิ   ถ้าเพือนๆ คนใหนมีโอกาส ได้มาเทียว หรือว่าผ่านมาที่จังหวัดพัทลุง แวะมาลองมาชิม กันนะคะ ถ้ามีโอกาสแวะไปแล้วอย่าลืม มาแชร์กันนะคะ ว่าเป็นยังไงบ้าง ...................



สำหรับคืนนี้ แอดมินง่วงแระ เก็บแรงนอนก่อนดีกว่า ตื่นมาพรุงนี้จะได้มีแรง มารีวิว ร้านอาหารอร่อยๆ ให้เพือนๆ ต่อคะ สถานีต่อไป ร้านอาหารในตัวเมืองหาดใหญจร้า วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ  เจอกันบทความหน้าจร้า......


วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558

แนะนำเทคนิค......การจัดกระเป๋าขั้นเทพ ก่อนออกเดินทาง

สวัสดีคร้า หลังจากที่เมื่อวาน แอดมิน ได้ลง บทความเกี่ยวกับข้อควรพิจารณาก่อนที่จะเช่ารถ เป็นยังไงกันบ้างคะ ได้เข้าไปอ่านกันหรือยังเอ่ย.....ห๊ะ อะไรนะคะ ยังไม่ได้อ่าน โอเคร ไม่เป็นไรคะ ถ้างั้นเรามาดู วิธีกันจัดกระเป๋ากันก่อนเนอะ ขึ้นชื่อว่านักเดินทางหรือคนชอบท่องเที่ยวในแต่ละปีคงมีแพลนทริปท่องเที่ยวพักผ่อนกันอยู่บ่อยๆ เนอะ แต่ เอ่ ต่อให้ไม่ใช้นักเดินทางเราก็ยังหาเรืองไปเทียวกันได้ จริงไม่เอ่ย (จริงที่สุดเลยจร้า) จะทริปสั้น ทริปยาวก็ว่ากันไป

ซึ่งในการเดินทางแต่ละครั้งเราก็ต้องมีการจัดเตรียมสัมภาระ จัดกระเป๋าที่ใช่มั้ยคะ สำหรับแอดมินแล้วเป็นปัญหาโลกแตกเลยก็ว่าได้คะ (ว่ากันไปนั่น) คือนอกจากจะตั้่งหน้า ตั้งตารอ วันที่จะได้ออกทริปแล้ว ยังต้องกังวล ตอนที่ใกล้จะครบกำหนดเวลาเดินทาง เช่น ต้องพาอะไรไปบ้างเนี้ยะ ถ้าพาไปกระเป๋าจะยัดเข้าไปจุหรือเปล่าหน่า  แล้วถ้าไม่พาไปถ้าต้องใช้ต้องทำไงละ โอ้ย เยอะแยะ คะ


วันนี้ มีเทคนิคการจัดกระเป๋าขั้นเทพมาฝากเพือนๆ ชาว blog กันคร้า รับรอง เลยคะว่า ไม่มีพลาดของจำเป็นแน่นอนคะ




มาดูวิธีกันคะ

1. เลือกกระเป๋าเสื้อผ้าให้เหมาะสม กับ การเดินทางคะ
กระเป๋าเดินทางมีหลายแบบหลากสไตล์ ซึ่งแต่ละแบบก็เหมาะกับการใช้สอยที่แตกต่างกัน คุณจึงควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานที่และประโยชน์ใช้สอย เช่น ถ้าทริปของคุณต้องเดินทางหลายวัน ก็ควรเลือกกระเป๋าเดินทางที่ทำด้วยวัสดุแข็งแรงทนทาน
เช่น ลุยป่า ก็ควรเลือกกระเป๋าเป้จะดีกว่าคะ เพื่อความคล่องตัวคะ




2. คำนวนจำนวนเสื้อผ้า สิ่งแรกที่เราต้องรู้คือต้องนำเสื้อผ้าที่เราต้องนำไปในทริปมีมากขนาดไหน เสื้อผ้าที่จะพาไป ต้องดูสภาพอากาศของที่หมายและเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม

โดยคำแนะนำของเราเกี่ยวกับเสื้อผ้าก็มีดังนี้
-  หลีกเลี่ยงกางเกงใช้กางเกงยีนส์จะดีกว่า เนื่องจากกางเกงยีนส์ จะกินเนื้อที่ในกระเป๋าและจะทำให้กระเป่าหนักด้วย และถ้าเป็นช่วงที่เป็นหน้าฝนหรือกิจกรรมที่ต้องโดนน้ำเล่น เล่นน้ำทะเลา น้ำตก เวลาที่กางเกงยีนส์โดนน้ำ ไม่ใช้เรืองสนุกแน่ๆ คะ

-  พยายามอย่าเลือกเสื้อที่ยับง่าย เพราะระหว่างทริปเราคงไม่มีเวลามานั่งรีดเสื้อกันเป็นแน่

- ม้วนเสื้อผ้าให้เล็ก หรือ พับผ้าทบไปมา ชุดลำลอง เสื้อยืด กางเกงผ้า กางเกงยีนส์ ชุดนอน ฯลฯ เปลี่ยนจากการพับเป็นการม้วนให้เล็กที่สุด นอกจากช่วยประหยัดพื้นที่แล้ว ยังไม่ทำให้เสื้อผ้ายับยู่ยี่จนไม่น่าดูอีกด้วย

3. ของใช้ส่วนตัว หลาย ๆ คน ไปเที่ยวแต่เสมือนว่าย้ายบ้านตามไปด้วย โดยมีอุปกรณ์มากมายเพื่อความสะดวกและความบันเทิง ซึ่งจะมีข้ออ้างให้ตัวเองว่า อันนี้ก็จำเป็นนะ อันนู้นก็ต้องใช้นะ เห้อ เราแนะนำว่า ให้พกไปแต่พอเหมาะคะ เลือกที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น มีหลาย ๆ อย่างที่เราชอบลืมเวลาจัดกระเป๋า แต่พอถึงเวลาที่จะต้องใช้กลับหาไม่ได้เลย ของพวกนี้ก็ได้แก่ ปากกา ผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน อแดปเตอร์แปลงหัวปลั๊ก เป็นต้น ส่วนวิธีแก้ลืม ก็คือ ลิสต์รายการของใช้ที่จำเป็น (จริงๆ) ออกมาเสียก่อนอาจจดใส่กระดาษแล้วเช็คดูให้ครบ โดยคำนึงถึงความจำเป็น ระยะเวลาในการเดินทาง และเช็คให้ครบกับ List เพื่อป้องกันการลืม

ส่วนจำพวกเครืองสำอางค์สบู่ แชมพู ยาสีฟัน ครีมต่างๆ ควรมีขนาดเล็กที่สะดวกพกพา การแบ่งแชมพู หรือสบู่เหลวลงในขวดเล็กพลาสติก ต้องบีบไล่อากาศออกก่อนปิดฝาขวด เพื่อหลีกเลี่ยงแรงดันเมื่อเดินทางโดยเครื่องบิน จากนั้นซ้อนด้วยถุงซิปล็อกอีกชั้น

เห็นไหมคะ  การจัดกระเป๋าไม่ยากอีกต่อไป ถ้าทำตามขั้นตอนต่าง ๆ และแน่นอนว่าเราไม่มีวันจะลืมของที่จะใช้ระหว่างทริปอีกด้วย

สำหรับเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่นำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้หวังว่าจะทำให้การจัดกระเป๋าเดินทางในครั้งหน้าของเพื่อนๆง่ายและสะดวกขึ้นนะคะ และลดการลืมสิ่งของที่จำเป็นด้วยค่ะถ้าทำตาม list นี้ทั้งหมด พบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ

Lazada Indonesia

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558

ก่อนที่จะเช่า รถเราต้องดูอะไรบ้าง (10 ข้อ ไม่โดนหลอกง่ายๆ เมื่อเช่ารถขับเอง)

วันนี้แอดมิน มีบทความดีๆ ที่จะมาแชร์ ให้เพือนๆ ชาว blog ที่จะออกทริป แต่ไม่สะดวกที่จะเอารถยนต์ไปเอง ก่อนที่จะไปใช้บริการรถเช่าเรามาดูกันคะ ว่าต้องทำยังไงถึงจะได้ ไม่โดนเอาเปรียบ จากผู้ให้บริการคะ 


เครดิตรูปภาพ : pixabay.com

สำหรับในบ้านเรานั้น การเช่ารถขับในปัจจุบันนี้ เริ่มมีการเช่าเพิ่มขึ้น มีรถเช่าเปิดให้บริการมากมาย ทั้งของไทยเราเอง และของต่างชาติ ที่เข้ามาลงทุนในบ้านเรา ซึ่งการที่เราจะเลือกเช่ารถนั้น ก็ต้องดูดีๆ ว่า ก่อนจะเช่ารถเราต้องพิจารณาอะไรบ้าง จะได้ไม่โดนหลอก มาดูกันว่า ถ้าเราตกลงจะเช่ารถขับ เมื่อเวลาไปเที่ยวในต่างถิ่นนั้น ต้องดูจากอะไรบ้าง

ประกันภัยรถยนต์



10 ข้อ ไม่โดนหลอกง่ายๆ เมื่อเช่ารถขับเอง

  1. เลือกเข้าใช้บริการการเว็ปไซต์ หรือ บริษัทที่เช่าถือได้ เพื่อรถเช่าที่มีคุณภาพและปลอดภัย
  2. เปรียบเทียบราคาโดยเลือกภาษา และสกุลเงินในตรงกัน
  3. ตรวจสอบว่าราคาที่ได้นั้นรวมค่าธรรมเนียมค่าบัตรเครดิตในการชำระหรือไม่
  4. ราคาที่เสนอนั้นรวมอะไรบ้าง เช่น เงื่อนไขน้ำมัน, การเพิ่มเติมชื่อผู้ขับหลัก, ประกันคุ้มครองรถเช่า
  5. พิจารณาการใช้งานรถเช่าว่ามากน้อยเพียงใด เพื่อเลือกซื้อประเภทประกันที่เหมาะสม
  6. จองล่วงหน้าเพื่อให้ได้เลือกรถที่หลากหลายมากกว่า ราคาลดมากขื้น ประหยัดมากขึ้น
  7. ตรวจสอบกรณียกเลิกการจองว่าว่ามีค่าธรรมเนียมเป็นอย่างไร
  8. ถ่ายรูปรถเช่าก่อนใช้ และหลังใช้ไว้เป็นหลักฐาน
  9. ขอใบเสร็จทุกครั้งหากมีการร้องขอให้ดำเนินการชำระเพิ่มเติม ณ สถานที่เช่ารับและคืนรถเช่า
  10. เมื่อกลับมาจากการเดินทางเรียบร้อยแล้วให้รีบเคลมค่าใช้จ่าย และติดตามบริษัทรถเช่านั้นหากเกิดข้อสงสัย

ยิ่งจองล่วงหน้ายิ่งได้ลดราคาเยอะ แถมได้เลือกรถก่อนใครอีกต่างหาก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Travel MThai

หาข้อมูลเพิ่มเติมเกียวกับรถเช่า คลิกที่นี้

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

ฝนนี้ไปใหนดี.......เมื่อร่างกายต้องการที่จะพักแต่บรรยากาศไม่เป็นใจ

สวัสดีคะ ห่างหายไปจากเพจไปหลายวัน  หลังจากแอดมินได้โพสต์บทความ ที่เวิ่นเว้อ กับหนัง "ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" และตามมาด้วย จะทำยังไง เมื่อฟรีแลนซ์เกิดอารมติส คิดงานไม่ออก ที่หายไปไม่ได้หายไปเทียวใหนหน่า แต่งานเยอะมาก ไม่มีเวลาได้เข้ามาเขียน blog เลย และเมื่อวาน ได้มีโอกาศขึ้นฝั่ง ไปเป็นผู้ช่วยถือกล้องให้คุงเพือนสาว (555 ถือกล้องนะคะ คือถือกล้องจริงๆ คะ) เนื่องจากคณะของพี่ชายได้ไปพาเพือนที่ทำงานมาเทียวในตัวเมืองสุราษฎร์ และมีแผนจะไปต่อกันที่
เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือเขื่อนรัชชประภา ที่ใครๆ เรียกว่ากุ้ยหลินเมืองไทย ตอนแรกที่ แอดมิน ฟังชื่อสถานที่ ที่เค้าจะไปกัน ร้องฮ่า กันเลยจร้า ฮ่าทำไม่นั่นหรอ ก็ช่วงนี้ อะดิ ฝนตกนะ ที่เกาะสมุยตกเกือบทุกวัน แอบคิดว่าที่สุราษฎร์คงไม่ต่างกัน (คือที่มาของชื่อหัวข้อ blog อิอิ) แต่ก็เนอะ  ไปฟรี  จร้า ทริปนี้ฟรีทั้งทริป ถ้าพลาดแล้วเดียวเพือนจะเสียน้ำใจ (หรา)  เปล่าไม่เกี่ยว กับฟรี หรือว่าไม่ฟรีจร้า แต่แอดมิน ก็คิดเรืองที่จะไปพักผ่อนอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่มีโอกาศ รอบนี้ก็เลยตอบตกลงไปแบบ ใช้เวลาคิดไม่ถึง 15 นาทีจร้า  แต่ฟ้าจะเข้าข้างแอดมินจร้า วันที่ไปฝนไม่ตกจร้า มาดูรูปฝีมือคนถือกล้องกัน อิอิ  (ย้ำนะคะ หน้าทีของแอดมินคือถือ คะ ถือ แต่มีรึที่แอดมินจะถืออย่างเดียว)

ถึงแล้วจร้า และรูปแรก ที่ได้คือภาพ บรรยากาศ สันเขื่อนถ่ายบริเวณป้ายเขื่อนรัชชประภา จร้า




รูปที่ 2 เรามีนายแบบ ด้วย คริ คริ





และภาพหลังจากที่ถึงท่าเรือแล้ว




ลงเรือกัน  ฟิ้ว ลำนู้น มีแต่ฝรั่ง (อยากย้ายเรือ อะ)


พอๆๆ ภาพเดียวพอ เดียวเยอะกว่านี้ ฝรั่งเค้าจะชวนแอดมินย้ายเรือ ทำไงอะ อิอิ มาดูต่อภาพ คณะของพี่ชาย จร้า ยังที่แจ้งไว้ข้างบน ว่าเค้ามาทั้งคณะจร้า 


เอ้ย มีคนเห็นแอดมินแอบถ่ายด้วย เขินเบย 


เอ้ย ใครเอ่ย มีแอบเซลฟีตัวเองด้วย 



มาดูวิว  ขณะนั่งเรือกัน  




นั่งเรือ ชมวิว ได้สักพักก็ถึงที่พักจร้า ก็จะเห็น ที่พัก อยู่ลิบๆ จร้า และก็ใกล้เข้ามาๆ  คืนนี้เราจะนอนที่นี้กัน หลังจากที่ได้อ่านรีวิว ของเพือนๆ มาในใจก็ตั้งไว้เลยคร้า ว่าต้องไปสักครั้ง และ ตอนนี้....คือฉันได้มาอยู่ตรงนี้แล้ว คือเห็นไกลๆ จากบนเรือแล้ว สวยมากคร้า  ......




เย้ถึงแล้ว รูปแรกที่แพคร้า เป็นรูปที่พี่ๆ เค้าช่วยยกของลงเรือ  ไม่ได้แอบถ่ายจร้ารูปนี้
 พี่เค้าเต็มใจ (หรา อิอิ)


รูปนี้ถ่าย หลังจากขึ้นบนแพเรียบร้อยแล้ว 



ภาพ ที่ 4 ที่เป็นรูปเหมือนสะพาน จะเป็น สะพานที่เชื่อมต่อไปห้องน้ำจร้า เนื่องจากบนแพไม่มีห้องน้ำ ห้องน้ำจะอยู่บนเกาะ ซึ่งต้องข้ามสะพานไป  


หลังจากที่ เก็บของลงจากเรือเรียบร้อยแล้ว เราไปดูห้องกัน หลังหนึ่ง นอนได้สองคน จร้า 



รูปนี้ถ่ายจากในห้องจร้า วิวอย่างสวย



หลังจากที่ดูห้อง และเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็เทียงพอดีคะ  อิอิ กองทัพต้องเดิน ด้วยท้องเน้อ ไปหาอะไรกินกัน ว่าแต่บนนี้มีอะไรให้กินบ้างหน่า มาดุูกันคร้า 

บรรยากาศ ในห้องรับประทานอาหารคะ (เสียดายจัง อดเก็บรูปอาหารบนแพ มาฝากเพือนๆ เนื่องจากถือไปถือมา ไม่รู้ แอดมินถือกล้องท่าใหน แบตแตือนซะงั้น งานเข้าคะ คุณเพือนสาวเอาไปชาร์ตแบตด่วนคะ เลยได้มาแค่ 2 รูป )



เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็กลับที่พักคะ เห็นพี่ๆ เค้า กำลังเตรียมตัวเล่นน้ำกัน  หลังจากนี้จะถ่ายกล้องมือถือจร้า (กล้องชาร์ตแบตยังไม่เต็ม แบตสำรองลืมพกมา กรรมจริงๆ )


ว่าแต่เอิ่ม นี้คือใช่รูปที่เค้า เตรียมตัวจะเล่นน้ำกันหรอ ?   คริ คริ ตอนแรกแอดมินนึกว่าเค้าเตรียมตัวจะแสดงมิวสิค



แต่ละภาพคือนะ เอ่อ ท่าเค้าไม่ธรรมดาจริงๆ

มาดูรูปแอบถ่าย เค้าเล่นน้ำกัน  ถ่ายแต่รูปเค้าแล้วแอดมินไม่เล่นน้ำหรอ (ที่บอกไปข้างบนคะแอดมินมาในฐานะ ผู้ช่วยตากล้องคะ อิอิ  )  แค่ได้เห็นพี่ๆ เค้ามีความสุข แอดมินก็มีความสุขแล้วเนอะ พอๆ อย่าดร่าม่า งานถนัดแอดมินเชียว งานดราม่าเนี้ย


สนุกสนานกันไป.................

และแล้ว แอบดู เอ้ย แอบถ่ายเค้าเล่นน้ำกันเสร็จก็ค่ำพอดี มาดูบรรยากาศตอนกลางคืนกันคะ เงียบสงบ เหมาะแก่การมาพักผ่อน จริงๆ คะ




หมดภาระกิจ ของ แอดมิน ไป 1 วันจร้า วันนี้แอดมินขอปิด เพียงแค่นี้ก่อนนะคะ เดียวโพสต์จะยาวเกินไป  คริ คริ ถ้ารูปเยอะไปน้อย ก็ต้องขออภัยด้วยคะ ว่าแต่นิ แอดมินพูดเลย ว่าแอดมิน ทำหน้าที่ผู้ช่วยถือกล้องให้เพือนจิงๆ คะ เพือนเค้าอุปกรณ์เยอะคะ เจอกันโพสต์หน้านะคะ ...........

แถมๆๆ คะ รูปตอนเช้าก่อนอกจากแพคะ 






จบจร้า ..... จบจริงๆ แระ

สำหรับเพือนๆ ท่านใดสนใจจะมาเทียวสุราษฎร์สามารถเข้าไปเช็คโปรโมชั่นของโรงแรม ต่างๆ  ร่วมถึงสามารถจองได้ที่ ตารางด้านล่างเลยจร้า 


PictureHotelsClassLocationPrice
500 Rai Floating Resort Surat Thani500 Rai Floating Resort Surat ThaniKhao Sok298 USD
Diamond Plaza Hotel Surat ThaniDiamond Plaza Hotel Surat ThaniSurat Thani City30 USD
K Park Grand Hotel Surat ThaniK Park Grand Hotel Surat ThaniSurat Thani City24 USD
Keereewarin Chiewlarn Floating Resort Surat ThaniKeereewarin Chiewlarn Floating Resort Surat ThaniKhao Sok218 USD
The Cliff and River Jungle Resort Surat ThaniThe Cliff and River Jungle Resort Surat ThaniKhao Sok49 USD


บริการด้านท่องเทียว

บริการ รถตู้ทั่วไทยคลิกที่นี
Hotels2thailand.com

Hotels2thailand.com