วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Burnout Syndrome เบื่องาน หมดไฟ ทำไงดี?

 วันศุกร์อีกแล้วเนอะ วันเวลาช่างผ่านไปเร็วซะจริงๆ เพราะฉะนั้น ใคร มีแผลน จะทำอะไร จะบอกอะไร ยังไงกับใคร อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปนะคะ ถ้าไม่อยากจะต้องมานั่งเสียดาย เวลาแล้วมานั่งคิดถ้าย้อนไปได้ ทำไม่ตอนนั้นฉันไม่ทำอย่างนู้น ทำไม่ฉันไม่เริ่มทำตั้งแต่ตอนนู้น เมื่อเมื่อถึงตอนนี้แล้ว ก็จะทำอะไรไม่ได้ นอกจากเสียดายเวลา เอ้ย งง กันหรือเปล่าเนี้ย จะว่าไป แอดมินเอง ก็เริ่มจะงง กับตัวเองเหมือนกัน แล้วนะเนี้ย คริ คริ สงสัยไปหมดแล้วคะ สมงสมอง แอดมิน เห้อ !



ก่อนที่จะออกทะเล กันไปเยอะกว่านี้ เรามาเข้าเรือง หัวข้อที่โพสต์วันนี้กันดีกว่าเนอะ เพือนๆ เคยเป็นกันไม่คะ ที่อยู่ๆ ก็มีโมเม้นท์ที่ว่า ไม่อยากจะทำงาน ขึ้นมาเฉยๆ เริ่มมีอาการเหนือย ซึ่งไม่ได้เกิดจากร่างกายของเรา แต่เป็นจิตใจที่เหนื่อยไม่มีแรง แม้แต่จะบังคับตัวเองให้ลุกไปทำงานในทุกๆ เช้าเหมือนทุกวัน แล้วทำให้เราคิดไปว่า เราไม่สามารถทำงานได้ต่อไปหมดไฟในการทำงานอีกแล้ว หรือชีวิตทำงานของเราไม่ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนวันก่อน ๆ บางครั้ง เราอาจรู้สึกว่าตัวเองมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงานเริ่มไม่มีความสุข และสุดท้ายก็คิดอยากกจะลาออกจากงาน  เพราะคิดว่างานใหม่จะดีกว่างานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน.......


ถ้าทั้งหมดข้างบนที่ แอดมินกล่าวมา ตรงกับอาการของเพือนๆ ระวังให้ดีนะคะ เพือนๆ อาจจะเป็นโรค Burnout Syndrome อาการของโรค คือ เบื่องาน หมดไฟ และหมดไอเดีย ในการทำงานคะ และอาการเหล่านี้อาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ เรามารีบ สัญญาณเงียบ และรีบหาทางแก้ไขกันค่ะ

ก่อนที่เราจะไปดูสัญญาณและวิธีป้องกันของโรค นี้ เรามารู้จักกันก่อนคะ ว่าโรคนี้คืออะไร ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ของเรายังไงบ้าง

 Burnout Syndrome  คือโรคที่เกิดจากการทำงานหนักเกินไป และการพักผ่อนจนเกิดอาการ เช่น สมองไม่แล่น ความจำไม่ดี  นอนไม่หลับเหมือนเครื่องยนต์ที่วิ่งไม่หยุด จนทำให้เครื่องร้อนจนหม้อน้ำเดือด ถ้าเรียกง่ายๆ คือ แฮงค์ หมดไฟ ทำงานจนหมดพลัง นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน เฮร์เบิร์ตเจ ฟรอยเดนเบอร์เกอร์ ได้นำชื่อ Burn-Out มาใช้ในการรักษาทางจิตเวชเมื่อปี 1974 ซึ่งก็คือโรคทางจิตชนิดหนึ่ง ซึ่งมักเกิดกับคนที่ตั้งความหวังไว้สูงเกี่ยวกับตัวเองและต้องการความเพอร์เฟ็กต์ จนก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งทางหากเราละเลย จะส่งผลให้เกิดความ­เสียหายทั้งในด้านสุขภาพ ความสุข ความสัมพันธ์ และประสิทธิภาพในการทำงาน และอาจพัฒนาไปสู่โรคซึมเศร้าด้วย­­­­

วิธีสังเกตอาการจากโรคนี้ง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ

- อ่อนเพลีย รู้สึกเบื่องาน นอนไม่หลับ เครียดไม่มีความสุข ไม่สนุกกับงาน

- อารมณ์ร้าย มองโลกในแง่ลบ หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว ชอบคิดเล็กคิดน้อยกับเพือนร่วมงาน หรือว่าเจ้านาย เริ่มคุยกับเพื่อนร่วมงานและคนในครอบครัวน้อยลง

-  สุขภาพย่ำแย่ ซึ่งเกิดจากความเครียดสะสม  ทำให้ก่อเกิดโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น


วิธีแก้ไขอาการโรคนี้

       ผ่อนคลายความเครียด อย่าหมกหมุ่นกับงานจนเกินไป เพิ่มความคิดบวกในการทำงาน บางคนหมดไฟในการทำงานเร็ว เพราะมีทัศนคติด้านลบมากเกินไปในการทำงาน หากิจกรรมที่ทำแล้วรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เพราะชีวิตของเราไม่ได้มีแต่เรืองงานคะ



เป็นยังไงกันบ้างคะ เพือนๆ เข่าข่ายกันบ้างหรือเปล่าเอ๋ย.........ยังไงก็อย่าทำงานหนักกันจนลืมดูแลตัวเองกันนะคะ  บริษัทไม่มีเรา เค้าหาคนมาทำงานแทนได้คะ แต่ ครอบครัวเรามีเราแค่คนเดียวคะ ดูแลตัวเองเพือคนที่เรารักและรักเรากันนะคะ    รอบหน้า อยากให้ แอดมิน นำบทความอะไรมาเป๊ะอีก  แชร์มาได้นะคะ ยินดีคร้า



วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สร้างเรือง....ในคืนที่นอนไม่หลับ (slow life เรามาสโลว์ชีวิตกันเพื่อหาความสุขที่ถาวร}

สวัสดีคร้า่ เพือนๆ ชาว blog  ให้มันได้ยังงีซิคะ หลังจากที่ตอนเย็น แอดมินตั้งใจว่าจะรีบเคลียร์งาน แล้วกลับไปนอนดูหนัง ชิวๆ ที่ห้อง ตั้งใจไว้อย่างดีว่าวันใหนจะเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ หลังจากที่ปั่นงานกันมาเป็นเวลา สามอาทิตย์เต็มๆ และเหมือนบรรยากาศจะเป็นใจ เข้าข้างแอดมิน ฝนตกพร่ำๆ  โอ้ยแค่คิดก็ฟินเนอะ

และแล้ว ทุกอย่างผิดคาดไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจไว้  เห้อจบกัน คืนที่บรรยากาศเป็นใจ เพราะหลังจากที่แอดมิน ดุซีรีย์จบไปแล้ว 1 เรือง เอ้ย ตาสว่างอยู่เลยอะ ทำไงที่นี้ จะลุกขึ้นมาทำงานก็กระไรอยู่ เสียดายบรรยากาศอะ อะลองดูอีกสักเรือง 1 ชัวโมงผ่านไป หนังก็จบไปอีก 1 เรือง   เอ้ย ตาสว่างอยู่อีก เห้อทำไงอะที่นี้ บรรยากาศของฉัน พลิกซ้ายพลิกขวา โอเค ยังไงก็จะไม่หลับใช่ไม่ ที่นี้ก็คิดซิคะ ทำอะไรต่อดี ใหนๆ ก็นอนไม่หลับแล้ว มาสร้างเรืองกันดีกว่า  คืนนี้ของดโพสต์รีวิวนะคะ  เรามาพูดถึง คำยอดฮิต ที่ยังไม่ตกกระแสทั้งในโลกออนไลน์และโลกความจริงกัน ดีกว่าบทความที่แล้ว แอดมิน ได้เขียนถึง กระแสของงาน "ฟรีแลนซ์ " ซึ่งกำลังบูมอยู่ในขณะนี้ วันนี้เรามาพูดถึง เทรนด์การใช้ชีวิตแนวใหม่ที่กำลังมาแรงคือ ."Slow Life" กันต่อเนอะ



คำว่า "Slow Life " บางคนเข้าใจว่าการใช้ชีวิตแบบ Slow Life คือการใช้ชีวิตตามเทรนด์  จิบกาแฟแพงๆ กินร้านหรูๆ ใช้แต่ของแบรนด์ และ นำมาลงในเฟสบุค แถมด้วยแคปชั่นแนวๆ ซึ่งเป็นการเข้าใจความหมายของ Slow Life ผิดไปคะ

และผู้บุกเบิกการใช้ชีวิตแนวนี้ ก็คือ ลีโอ บาบัวต้า บล็อกเกอร์ และนักเขียนชื่อดัง เจ้าของเว็บบล็อก Zen Habits ที่ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 240,000 คน ได้รับการจัดอันดับเป็นเว็บบล็อกยอดนิยมอันดับหนึ่งของโลกประจำปี 2010 โดยนิตยสารไทม์ เขายังมีผลงานหนังสือหลายเล่มด้วยกัน แต่เล่มที่โด่งดัง
ติดอันดับเบสท์เซลเลอร์  ก็คือ  The Power of  Less การใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ  เพื่อชีวิตที่มีสุขนั้น  สามารถเริ่มต้น ง่ายๆ  ด้วยบันได  9  ขั้น  ดังนี้

บันไดขั้นที่ 1 คือ ต้องรู้จักโฟกัสมากขึ้น และทำอะไรให้น้อยลง แทนที่จะทำอะไรหลายอย่างในเวลาพร้อมๆกัน ให้เลือกทำสิ่งสำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียว และเก็บเรื่องอื่นๆไว้ก่อน 

บันไดขั้นที่ 2 คือ  ต้องมีสติอยู่กับปัจจุบัน มีสติกับปัจจุบัน มีความสุขกับง่ายๆ เช่น อย่ายึดติดของแบรนด์ อย่า ตามกระแสจนเกินไป


บันไดขั้นที่ 3 คือ ใช้ชีวิตแบบโลว์เทค ปิดมือถือและอุปกรณ์ไฮเทคทุกอย่างในช่วงวันหยุด  อย่าวุ่นอยู่กับกับการเล่นอินสตาแกรม โพสต์เฟสบุค และเช็กอีเมล์ทั้งวัน 


บันไดขั้นที่ 4  คือ ใส่ใจคนรอบข้างบ้าง พร้อมทั้งรับฟัง เปิดใจ ใส่ใจเพื่อนฝูง, ครอบครัว และคนรอบข้างให้

บันไดขั้นที่ 5  คือ เปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ หันมาชื่นชมกับความงดงามของธรรมชาติบ้าง ออกมาเดินเล่นในสวน สูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง  หรือทำกิจกรรมบ้าง แทนที่จะคลุกอยู่แต่ในห้อง นอนตากแอร์ทั้งวัน ลองออกมาเดินเล่นในสวนเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ 

บันไดขั้นที่ 6 คือ  การรับประทานอาหารให้ช้าลง โดยค่อยๆเคี้ยวเพื่อรับรู้รสสัมผัสความอร่อยของอาหาร แทนที่จะทานเร็วๆเพื่อให้อิ่ม เพื่อที่จะรีบไปทำงานต่อ 

บันไดขั้นที่ 7 คือ  ขับรถให้ช้าลง นอกจากจะทำให้ไม่เครียดเวลาขับรถแล้ว ยังลดการเกิดอุบัติเหตุด้วย

บันไดขั้นที่ 8 คือ   มีความสุขง่ายๆและรื่นรมย์กับทุกอย่างที่พบเจอ เปลียนมุมมองชีวิต ที่พัฒนาไปไกลขึ้น ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ขอให้ทำด้วยความสุขและความเต็มใจ 

 บันไดขั้นที่ 9 คือ  ขจัดความเครียดด้วยการสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อจะทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย 




เป็นอย่างไรบ้างคร้า ชีวิตแนวใหม่กำลังมาแรง ... Slow Life  เป็นการใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ และยึดหลักพอเพียง ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายเลยเนอะ  แต่ไม่ง่ายเลยคะสำหรับโลกยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ซึ่งเราจะคุ้นกับคำว่าโอกาศเป็นของคนที่เร็วเสมอ เราจึงจำเป็นต้องรีบเพือแข่งขัน เพื่อที่จะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ  เหนือยกันไม่คะ เรามาลองใช้ชีวิตแบบ Slow life กันเนอะ เพื่อความสุขที่ถาวร 


เอ้ย แอดมินเริ่มง่วงแล้วอะคะ ถ้างั้น คืนนี้ ขอแค่นี้ก่อนเนอะ รีบนอนดีกว่า เดียวบรรยากาศดีๆ จะผ่านไปซะก่อน เสียดายแย่ ไม่ทันได้ฟินเลย  เดียวจะเเช้าซะก่อน อิอิ



..........................................................................ราตรีสวัสคร้า...........................................................



อ้างอิงโดย มิสแซฟไฟร์  ใน นสพ. ไทยรัฐ  20  เม.ย.56